ตำนานชายล่าน้ำแข็ง Chasing Ice

29, May 2014
Share   0 
ตำนานชายล่าน้ำแข็ง Chasing Ice
ตำนานชายล่าน้ำแข็ง Chasing Ice

"The future is already here — it's just not very evenly distributed." - William Gibson


หนังสารคดีของ เจฟ ออร์โลวสกี้ (Jeff Orlowski) ว่าด้วยการติดตามทีมสำรวจการเสื่อมสลายของธารน้ำแข็งเพื่อพิสูจน์ข้อถกเถียงเรื่องสภาวะเรือนกระจกและโลกร้อน นำโดย เจมส์ บาล็อก (James Balog) ช่างภาพของเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก

หนังเข้าชิงและคว้ารางวัลหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือ รางวัลถ่ายภาพยอดเยี่ยม จากเทศกาลซันแดนซ์ ไม่ใช่เพียงแค่การถ่ายภาพที่สวยงามเท่านั้น แต่เมื่อได้เฝ้ามองการทำงานของคนทำหนังเรื่องนี้ไปเรื่อยๆจะพบว่า แต่ละฟุตเทจที่เรียงร้อยประกอบมาเป็นหนังเรื่องนี้ มาจากความพยายามอย่างที่สุดของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง และแน่นอนบางช็อตอาจแลกด้วยชีวิตของตากล้องได้เลยด้วยซ้ำ

บาล็อกและทีมที่เขาก่อตั้ง EIS (Extreme Ice Survey หรือทีมสำรวจน้ำแข็งแบบสุดขั้ว) ได้ทดลองและเดินทางติดตั้งกล้องเพื่อถ่ายธารน้ำแข็งในจุดต่างๆเช่น กรีนแลนด์ อลาสก้า มอนทาน่า กว่า 30 จุด ล้มเหลวและฝ่าฟันกว่า 3 ปี เพื่อให้ได้มาถึงข้อพิสูจน์ที่เข้าใจง่ายและชัดเจนว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

หนึ่งในซีนที่สำคัญของหนังคือการพยายามเฝ้ารอถ่ายการถล่มครั้งใหญ่ของธารน้ำแข็ง Jakobshavn Glacier ในกรีนแลนด์ โดยทีมงานสามารถถ่ายฟุตเทจมาความยาวถึง 75 นาทีซึ่งนับว่านานที่สุดที่มีคนเคยบันทึกภาพแสดงการลื่นไถลและพลิกตัวถล่มของแผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมาเช่นนี้

ภาพที่เขาถ่ายเมื่อไปเยือนธารน้ำแข็งครั้งแรกถูกนำมาเปรียบเทียบ และเร่งภาพข้ามเวลาจนถึงปัจจุบัน แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงและหายไปของภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อย่างน่าตื่นตะลึง การถล่มของธารน้ำแข็งที่เขาต้องปรับกล้องแพนตามถึงสามสี่ครั้งเพื่อตามจุดที่ร่นถอยเข้าไปเรื่อยๆจากที่ตั้งใจว่าตั้งกล้องแช่เก็บภาพกว้างมุมเดียวก็เพียงพอ แต่เอาเข้าจริงธารน้ำแข็งถล่มร่นเข้าไปจากจุดเดิมกว่า1.25ไมล์ นี่เป็นอีกสิ่งที่หนังทำให้เราขนลุก

บาล็อกบอกว่า ก่อนที่เขาจะค้นหาความจริงนั้น เขาไม่เคยเชื่อเลยว่ามนุษย์จะสามารถเปลี่ยนกายภาพและเคมีของโลกที่ยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว  และในฐานะผู้ชมเราก็กำลังจะได้เห็นสิ่งมนุษย์กลุ่มหนึ่งทำ และสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เช่นกัน